วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิธีรักษาสิวรักษาสิวด้วยตัวเอง


วิธีรักษาสิว
สิว ภายในร่างกายเกิดขึ้น
จากวัยเด็กที่หน้าเคยเรียบเนียน
เหล่านี้แล้ว เปลี่ยนไป
หรือใช้สารเคมีในการกำจัดสิวนั้น และอาจจะลืมไปว่าการรักษาสิวนั้นนอกจากวิธีทางการแพทย์สมัยใหม่แล้ว
การใช้ชีวิต แทนยาราคาแพงได้เหมือนกัน

สาเหตุหลักในการเกิดสิวนั้นเกิดจากอะไรได้บ้าง จึงแบ่งออกเป็นหัวข้อหลัก ๆ ได้ดังนี้
1 การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
2 ทำให้เกิดการอักเสบ
3 อาหารจำพวกไขมันหรืออาหารหวานจะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน
4 ความแปรปรวนทางอารมณ์โดยเฉพาะคนที่เครียดบ่อยจะทำให้เกิดสิวมากกว่าคนปกติ
5 การใช้เครื่องสำอางผิดประเภทกับผิว ทำให้เครื่องสำอางอุดตันในรูขุมขน
6 การใช้ครีมทาผิวบางชนิด
7 การรับประทานยาบางชนิด
8 ลักษณะทางกรรมพันธุ์ที่มีปู่ย่าตายายเป็นสิวมาก

นอกจากนี้แล้วการเกิดสิวยังมีปัจจัยอื่น ๆ ต้องสังเกตและหลีกเลี่ยงด้วยตนเอง สืบค้นเรียกว่าจานีนยโสวิถีชีวจิตนั่นเอง
 ดังนั้น ให้เป็นไปตามการทำงานของร่างกายเพื่อให้การทำงานของฮอร์โมนต่างๆสมดุลร่างกายทำงานปกติการเกิดสิวก็จะลดลง
01.00-03.00 น หน้าที่ของตับควรนอนหลับพักผ่อน
03.00 - 05.00 น หน้าที่ของปอดควรตื่นนอนเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์
05.00 - 07.00 น หน้าที่ของลำไส้ใหญ่ควรขับถ่ายในช่วงเวลานี้
เวลา 07.00 - 09.00 น หน้าที่ของกระเพาะอาหาร
เวลา 09.00 - 11.00 น หน้าที่ของม้ามไม่ควรนอนหลับในช่วงเวลานี้
11.00-13.00 น หน้าที่ของหัวใจ
13.00-15.00 น หน้าที่ของลำไส้เล็ก
15.00-17.00 น เหมาะกับช่วงเวลาออกกำลังกาย
17.00-19.00 น หน้าที่ของไตควรทำตัวให้สดชื่นไม่ง่วงนอนหรือทำอารมณ์ให้ซึมเศร้า
19.00 -. 21.00 นหน้าที่ของเยื่อหุ้มหัวใจควรทำจิตใจให้สงบโดยการนั่งสมาธิหรือเล่นโยคะ
21.00-23.00 น ควรทำให้ร่างกายอบอุ่น
23.00 - 01.00 น หน้าที่ของถุงน้ำดี

ปรับเปลี่ยนอาหารการกิน

อาหารก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยในการรักษาสิว ไขมันสูงของหวานขนมกรุบกรอบผลไม้หมักดองน้ำอัดลม แต่ควรหันมากินอาหารที่มีกากใยสูงเช่นพวกผักผลไม้ให้มากขึ้นหันมากินข้าวกล้องหรือข้าวไม่ขัดสี

ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต

เนื่องจากความอ้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้การทำงานต่างๆของร่างกายไม่ปกติ ดังนั้นควรแบ่งเวลาในชีวิตประจำวันมาออกกำลังกายให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำหนักตัวสูงจนเกินไปอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 วันวันละ 30 นาที
นอกจากนั้นการออกกำลังกาย ผ่านทางรูขุมขนอีกด้วย

เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างปกติเนื่องจากสิวที่เกิดขึ้นจากการทำงานที่ไม่ปกติของร่างกายจากปัจจัยต่างๆอาจจะดูยุ่งยากสำหรับหลาย ๆ คน
แต่เป็นวิธีที่ได้ผลและไม่เสียเงินสำหรับผู้ที่มีงบน้อยหากอยากจะลองดูก็ไม่เสียหายอะไร

วิธีทำให้ผิวขาวใส แบบธรรมชาติ

วิธีทำให้ผิวขาวใส แบบธรรมชาติ - คุณรู้หรือไม่ว่า พืชผักผลไม้ที่เราสามารถหาได้ง่ายๆ ในครัวเรือน นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังมีสรรพคุณมากมายที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณของคุณอีกด้วย เพราะในผักผลไม้ ล้วนมีวิตามิน แร่ธาตุ สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและผิวพรรณ ช่วยให้ผิวของคุณฟื้นฟูและกลับมาสวยได้ดั่งเดิม หรือหากว่าคุณมีผิวที่สวยอยู่แล้ว ก็จะส่งผลให้ผิวของคุณดียิ่งขึ้น อยากเป็นเจ้าของผิวหน้าขาวใส ผิวกายเปล่งปลั่ง แถมไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทอง ต้องรีบอ่าน…ด้วยสูตรวิธีทำให้ผิวหน้าขาวใส แบบธรรมชาติที่เราได้นำมาฝาก ดังนี้ค่ะ



1.กล้วย 
กล้วย ไม่ว่าจะกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ ล้วนให้คุณค่าด้านสุขภาพกับเราทั้งสิ้น จะกินก็ได้ จะเอามาทำสวยก็ดี สำหรับสาวผิวแห้ง ผมแห้ง กล้วยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาได้ สำหรับสาวผิวแห้ง กล้วยจะช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นได้ เพราะโปรตีนและไขมันตามธรรมชาติ ทั้งนี้ยังช่วยลบริ้วรอยด้วย ส่วนคนที่มีปัญหาผมและหนังศีรษะแห้ง กล้วยจะเสริมความเงางาม และยังทำให้ผมมีน้ำหนักดีขึ้น มาดูกันเลยว่า สูตรหน้าใส ด้วยกล้วยนั้น มีอะไรบ้าง

มาส์กผิวนุ่มชุ่มชื้นด้วยกล้วยหอม 
ส่วนผสม กล้วยหอมสุก 1 ผล, น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ, ไข่ขาว 1 ฟอง, ดินสอพองบด 1 ช้อนโต๊ะ, โยเกิร์ต 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ 
1.ตีไข่ขาว เทโยเกิร์ตและน้ำผึ้งลงไป ตามด้วยดินสอพอง คนให้เข้ากันจนเนื้อเนียนละเอียด
2.บดกล้วยหอมสุกจนเนื้อละเอียดเนียน แล้วลงผสมกับส่วนผสมในข้อ 1
เมื่อได้ส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด ทาส่วนผสมที่ได้บนใบหน้า คอ และไหล่ นวดเบา ๆ ให้ทั่ว ทาให้หนาพอควร ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น (แต่ไม่อุ่นจัด)
ทำเป็นประจำประมาณ 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ ผิวหน้าจะดูนุ่มนวลและสดใสมากขึ้น

กล้วยน้ำว้าสบู่ถนอมผิวหน้า 
สรรพคุณ : ช่วยทำความสะอาดผิดหน้าได้ดี ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น
ส่วนผสม กล้วยน้ำว้า 2 ผล
                 มะนาว       1 ผล
วิธีผสม ปอกเปลือกกล้วยออกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆนำลงเครื่องปั่นบดให้ละเอียด นำมะนาวผ่าขวางแล้วคั้นเอาแต่น้ำเทลงในกล้วยที่บดเรียบร้อยแล้วคนให้เข้ากัน
วิธีใช้ 
ใช้น้ำสะอาดลูบหน้าพอให้เปียก ทาสบู่กล้วยถนอมผิวที่เราทำไว้ทาให้ทั่วหน้าพักไว้ 3-5 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะรู้สึกว่าหน้าสะอาดมากและไม่แห้งตึง

กล้วยน้ำว้าครีมพอกหน้า 
สรรพคุณ: บำรุงผิวให้เนียนขาวลดริ้วรอยความเหนื่อยล้า
ส่วนผสม กล้วยสุก 2 ผล/น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ/ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำสะอาดเย็นจัด 1 ขัน
วิธีทำ 
ปอกเปลือกกล้วยออกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆนำลงเครื่องปั่นบดให้ละเอียด นำน้ำมะนาวและน้ำผึ้งเทลงไปปั่นผสมกันให้เป็นเนื้อเดียวสังเกตุถ้าเนื้อครีมเริ่มฟูก้อใช้ได้
วิธีพอกหน้า
ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดซับหน้าให้แห้งทาครีมกล้วยน้ำว้าที่ทำไว้ทาให้ทั่วใบหน้ายกเว้น ดวงตาและขอบจมูก พอกทิ้งไว้ประมาน 20-30 นาทีล้างออกด้วยน้ำเย็นจัด 
- ควรพอกครีมกล้วยอาทิตละครั้ง ใบหน้าจะนุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

กล้วยไข่ไร้สิว 
สรรพคุณ ช่วยสมานผิว ขจัดสิวเสี้ยน
ส่วนผสม กล้วยไข่ 2 ผล / ไข่ไก่เฉพาะไข่ขาว 1 ฟอง / น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำกล้วยไข่ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วใส่ลงในโถปั่นใส่ไข่ขาวปั่นจนละเอียดแล้วยกลง พักสักครู่ แล้วใส่น้ำผึ้งและน้ำตาลทรายแดงตามลงไป คนให้เข้ากันอย่างช้าๆ
วิธีใช้ 
นำครีมพอกให้ทั่งหน้าเว้นดวงตาใช้นิ้วค่อยๆถูนวดเบาๆ วนทวนเข็มนาฬิกาอย่างช้าๆทำอย่างนี้ประมาน1-2นาทีแล้วทิ้ไว้สักคู่จนรู้สึกตึงจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดเราจะสึกถึงความสะอาดมากเลย

กล้วยหอมและนมสด 
สรรพคุณ ช่วยให้ผิวขาวเนียนสวยขึ้น
วิธีทำ
นำมาบดผสมกัน จากนั้นนำไปพอกผิวในบริเวณที่ต้องการ สามารถทำได้วันเว้นวันเช่นกัน

2.น้ำผึ้ง (Apis dorsata) 
ได้จากผึ้ง ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส ฟรุคโตส ขี้ผึ้ง อัลบูมินอยด์ ละอองเกสรดอกไม้ และฮอร์โมนเอสโตรเจน จำนวนเล็กน้อย น้ำผึ้งใช้เป็นส่วนประกอบ ของเครื่องสำอาง ใช้พอกหน้า ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติช่วยสมานผิว น้ำผึ้งเป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติ ที่ให้ประโยชน์สูง และหาง่าย นอกจากนี้ยังใช้น้ำผึ้งบำรุงผม ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะช่วยบำรุงหนังศีรษะ และกระตุ้นการงอกของเส้นผม
วิธีทำ
ให้ผิวขาว ด้วยน้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำส่วนผสมดังกล่าวพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออก ช่วยให้ผิวขาวและนุ่มขึ้นได้ สามารถทำได้วันเว้นวันค่ะ

3.มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.) 
ในมะเขือเทศ จะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุก จะมีสาร licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย และน้ำมะเขือเทศสดนำมาพอกหน้าจะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง หรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้
สรรพคุณ สมานผิว ลดรอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ
ส่วนผสม มะเขือเทศ               1 ผล
                 รำข้าวหรือข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำมะเขือเทศไปปั่นหรือบดให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำผสมรำข้าวหรือข้าวโอ๊ตคนให้เข้ากัน
วิธีใช้
ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าให้แห้งพอกครีมมะเขือเทศทิ้งไว้นานเท่าที่มีเวลาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ในมะเขือเทศมีวิตามินเอมาก ซึ่งเป็น วิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำมัน การใช้รำข้าวหรือข้าวโอ๊ตเป็นส่วนผสม เพื่อให้น้ำมันในรำข้าวหรือข้าวโอ๊ตเป็นตัวพาวิตามินเอเข้าสู่เซลผิวหน้าได้ดีกว่า การฝานมะเขือเทศมาแปะหน้าเพียงอย่างเดียว สูตรนี้ใช้ได้ทั้งคนผิวแห้งและผิวมัน

4.แตงกวา (Cucumis sativas Linn.) 
จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบันมีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช่วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล
สรรพคุณ สมานผิว ลบรอยเหี่ยวย่น
ส่วนผสม แตงกวา              1 ผล
                ไข่ขาวจากไข่ไก่ 1 ฟอง
                 น้ำมะนาว           1 ช้อนชา
วิธีทำ
ปอกเปลือกแตงกวาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปปั่นให้ละเอียด เติมไข่ขาวและน้ำมะนาวปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้ครีมพอกหน้าแตงกวา
วิธีใช้
ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ใช้ครีมแตงกวาพอกให้ทั่วหน้า ยกเว้นรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ 20 นาทีล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้เหมาะ กับคนผิวมัน สำหรับคนผิวแห้ง ให้นำแตงกวาไปตุ๋นจนเละแล้วกรองเอาเฉพาะน้ำมาทาหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

วิธีรักษาสิวและป้องกันง่ายๆ ได้ผลแน่นอน



เรื่องสิว…สิว นับได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายคน ทั้งสิวเสี้ยน สิวผด สิวอักเสบ สิวหัวช้าง มีทั้งสิวเม็ดเล็ก เม็ดใหญ่ ที่มักขึ้นมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะบริเวณของ ใบหน้า แล้วก็ลามมาคอ และหลัง จนอาจทำให้เกิดแผลเป็น และแผลอักเสบได้ แต่ต่อไปนี้ คุณไม่ต้อง กังวลใจกับปัญหาเหล่านี้อีกแล้ว เพราะเรามีวิธีรักษาสิว และวิธีป้องกันการเกิดสิวมาฝากค่ะ เป็นมีวิธีดูแล รักษาผิวพรรณ ทั้งยามก่อนและ หลังเป็นสิว มาให้ทำกันตั้งหลายวิธี ถ้าพร้อมแล้วมาดูคำแนะนำจากเรากันเลย...

ทำไมต้องเป็นสิวด้วยล่ะ?
ตอบได้ว่า สิว (Acne) ก็เป็นโรคผิวหนังอีกชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ เป็นหนองด้วย พบมากที่ใบหน้ามากกว่าที่อื่น เกิดได้กับคนทุกวัย แต่มักเป็นมากที่สุดกับวัยรุ่น อายุระหว่าง 12-24 ปี ซึ่งโดยปกติแล้ว พออายุย่างเข้าเลขสาม สิวก็มักจะค่อยๆ หายไปเอง ยกเว้น ในบางช่วง ที่ระดับฮอร์โมน ผันแปร เช่น ช่วงก่อนมีประจำเดือน ก็อาจมีมาให้เห็นบ้างประปราย ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร

แต่ถ้าใครเป็นสิว แล้วไม่หายสักที สันนิษฐาน ไว้ก่อนได้เลยว่า อาจเป็นเพราะกรรมพันธุ์ อันนี้รักษาเองไม่มีทางหายแน่ ควรรีบไปปรึกษา คุณหมอวิเคราะห์เจาะลึกกัน ไปเลยว่าใช้ยาอะไรดี ถ้านอกเหนือจากกรณีนี้ ทดลองวิธีป้องกันและรักษาสิว คงมีสักข้อที่เหมาะกับคุณ


แนวทางปฏิบัติสำหรับ “ป้องกัน และ รักษา"สิว" 

1. หยุดเอามือสัมผัสหน้า หรือเท้าคางเวลาคิด เพราะมือของเราเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ซึ่งจะทำให้สิวเห่อได้ และอย่าบีบ แกะ เกาสิว จะทำให้เกิดรอยแผลเป็น รอยดำจากสิว รอยนูน หรือ รอยหลุมจากสิวขึ้นบนหน้าได้ ดังนั้น ถ้าไม่อยากมีรอยแผลเป็นเอาไว้เตือนใจละก็ ดูแต่ตา (มืออย่าต้อง) เป็นดีที่สุดจร้าๆ

2. ดูแลรักษาความสะอาดให้ถูกวิธี 
2.1 ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า เช่น สบู่ เจล โฟม ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวมัน และมีตัวยาป้องกันการเกิดสิว

2.2 ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง คือ เช้าและเย็น ด้วยสบู่หรือคลีนเซอร์อย่างอ่อนที่ไม่ระคายเคือง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู จำไว้ว่าไม่ควรล้างหน้าบ่อยๆ เพราะจะทำให้ผิวหน้าสูญเสียความชุ่มชื่น โดยไม่ได้ช่วยป้องกันสิวแต่อย่างใด

2.3 เมื่อใช้คลีนเซอร์ล้างหน้า ต้องล้างออกให้หมดจด อย่าให้มีคราบตกค้าง ที่สำคัญ คือต้องล้างให้ขึ้นไปตีนผม เพื่อล้างน้ำมันและคราบสกปรก ที่อาจจะเป็นตัวก่อสิวออกไป สำหรับคนที่มีผมมัน ควรสระผมทุกวัน

2.4 ล้างหน้าทุกครั้ง หลังทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก แต่เน้นว่า “ล้างด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น”

2.5 งดใช้ผลิตภัณฑ์จำพวกขัด-ถู ทั้งหลายให้หมด รวมทั้งสบู่ที่ค่อนข้างแรง เพราะนอกจากไม่ช่วยให้สิวหาย ยังอาจทำให้ระคายเคืองหรือติดเชื้อมากขึ้นกว่าเดิม

2.6 หน้ามันมาก อาจต้องใช้โลชั่นเช็ดหน้า หรือใช้ยารับประทานกลุ่ม Retionoids หรือ ยาคุมกำเนิดกลุ่ม Dian-35 เพื่อลดหน้ามัน

3. "โกนหนวด" ให้ปลอดภัย 
การโกนหนวด ก็มีผลกับสิวเหมือนกัน เพราะเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สร้างความระคายเคืองให้กับผิว
วิธีการโกนหนวดที่ถูกต้องและปลอดภัย คือ ให้เลือกที่โกนหนวด ที่เหมาะมือ (จะได้ไม่พลาดพลั้งเวลาโกน) ใบมีดคม (ทำให้โกนง่าย) และใช้สบู่และน้ำ ทำความสะอาดหนวดเสีย ก่อน แล้วจึงค่อยชโลมครีม โกนหนวดลงไป จะทำให้เส้นขนนุ่มและโกนง่ายขึ้น

4. ไม่ควรอาบแดด
หลายคนเข้าใจผิดว่า อาบแดด ช่วยให้สิวยุบ จริงๆแล้วไม่เกี่ยว กันเลย แต่ที่เราเห็นเป็นอย่างนั้น เพราะสีผิวที่คล้ำขึ้น ทำให้มองเห็นเม็ดสิว ไม่ชัด และแสงแดดทำให้ผิวแห้งขึ้นเท่านั้น ซึ่งถ้าจะพูดถึงผลระยะยาว การอาบแดดมีแต่ภัยร้ายทั้งนั้น ทำให้ผิวเหี่ยวย่นก่อนวัย แถมยังอาจ มีมะเร็งผิวหนังเป็นของแถม และสำหรับคนที่ทายาแก้สิว การถูกแสงแดด แรงๆ จะทำให้ผิวไหม้เสียด้วย

5. เลือกเครื่องสำอางที่เหมาะสม 
- เลือกครีมกันแดด SPF ประมาณ 15 เพื่อป้องกันความมันของเนื้อครีม
 
- ครีมบำรุง เลือกที่ไม่มีส่วนผสมของ น้ำมัน และไม่ควรมัน ไม่มีฮอร์โมนผสมในครีมบำรุง 

- ช่วงที่รักษาสิว ถ้าจะให้ได้ผลดี ให้เปลี่ยนมาใช้เครื่องสำอาง ประเภทปราศจากน้ำมัน (oil-free) ไม่ว่าจะเป็นรองพื้น, บรัชออน, อายแชว์โดว์ หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ 

- อย่าตื่นตกใจ ถ้าช่วง 2-3 สัปดาห์แรกของการรักษาสิว อาจจะทารองพื้นยากไปสักนิด เพราะตัวยาบางประเภท เช่น topical tretinoin หรือ benzoyl poroxide ทำให้ผิวแดง หรือเป็นสะเก็ด แต่ไม่นานอาการนี้จะหายไปเอง 

- งดใช้ผลิตภัณฑ์ใส่ผมหรือจัดแต่งทรงผมสักระยะ เพราะสารในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มักตกค้างอยู่ ที่รากผม ให้เกิดสิว หรือก่อให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มขึ้น

-เลือกใช้เครื่อง สำอางที่มีป้ายระบุบอกว่า noncomedogenic (ไม่ก่อให้เกิดสิว) 

- ครีมแก้แพ้ หรือ สบู่ล้างหน้าสำหรับผิวแพ้ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผิวแพ้ง่าย (Sensitive skin)

6. ทำความสะอาดรูขุมขนด้วยสมุนไพร
ทำความสะอาดรูขุมขนอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ด้วยไอน้ำจากสมุนไพร ธรรมชาติ
ส่วนผสม 
-ใบไธม์แห้ง (thyme-เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง) 2 ช้อนโต๊ะ
- ลาเวนเดอร์ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำร้อน 1 ชามอ่าง
วิธีการทำ ง่ายๆ แค่นำส่วนผสมใส่รวมกันในชามอ่าง แล้วใช้ผ้าขนหนู คลุม ศรีษะไว้เหนือชามอ่าง เพื่อให้ใบหน้าได้รับ ไอน้ำจากสมุนไพร ทั้งสองชนิด ประมาณ 10 นาที
หมายเหตุ : ระวังอย่าเอาหน้าเข้าไปใกล้เกินไป ผิวอาจจะเกิดอาการแสบ เพราะความร้อน : สมุนไพรทั้งสองชนิด มีคุณสมบัติในการปกป้อง ผิวจากเชื้อจุลินทรีย์ และช่วยไม่ให้เกิดการติดเชื้อ

7. ออกกำลังกาย 
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายช่วยทำให้เลือดหมุนเวียนดี มีออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้เต็มที่ และจะช่วยให้คุณมีผิวที่สวยงามขึ้นด้วย ควรให้เวลาที่เพียงพอสำหรับการออกกำลังกาย อย่างน้อย 3 ครั้ง /สัปดาห์

8. กินเพื่อสุขภาพ 
- งดอาหารที่ทำให้เกิดสิวง่าย เช่น อาหารมัน อาหารรสจัด ทุเรียน ขนมหวาน ไอศครีม เป็นต้น ก็เพราะว่า เรากินอะไรก็ได้อย่างนั้น ดังนั้นกินไขมันหน้ายิ่งมัน ทนได้ก็กินไปค่ะ

- ควรรับประทานผักและผลไม้จำพวกถั่วและเมล็ดธัญพืชในอาหารประจำวันของคุณ เพราะประกอบไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินมากมายที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณของคุณให้สวยเปล่งปลั่ง

9. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 
พักผ่อนให้เพียงพอ  เพราะขณะที่นอนหลับ เซลล์ผิวหนังจะฟื้นฟูสภาพตัวเองที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน ลองเข้านอนให้เร็วขึ้นกว่าปกติ 1-2 ชั่วโมง หน้าตาจะสดใสขึ้นค่ะ

10. จัดการความเครียด
สาเหตุของการเป็นสิวที่พบบ่อยคือความเครียด ดังนั้นควรหาวิธีผ่อนคลาย เพราะจะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง รวมทั้งการทำงานของเม็ดเลือดขาวในร่างกายดีขึ้น

11. ทำดีท็อกซ์
การเป็นสิวย่อมแสดงว่าร่างกายในช่วงนั้นมีท็อกซินหรือพิษสะสมในร่างกาย การทำดีท็อกซ์จะช่วย
ขจัดสารพิษในร่างกายได้

*** เห็นไหมล่ะค่ะว่า วิธีรักษาสิวและป้องกันการเกิดสิวที่นำมาแนะนำนี้ไม่ได้ยุ่งยากเลย เป็นเพียงการสร้างสุขลักษณะนิสัยที่ดีเบื้องต้นในการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันแบบง่ายๆ เท่านั้นเอง ที่เราสามารถทำได้ทันที และเมื่อเราทำตามคำแนะนำนี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากจะทำให้ใบหน้าและผิวพรรณสวยเนียน ดูดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้นอีกด้วย ที่เป็นการดูแลตนเองและแก้ปัญหาสิวที่ต้นเหตุอย่างแท้จริงค่ะ

สิวบอกโรค

สิวบอกโรคได้จริงๆ หรือ??…

อาจเป็นอีกหนึ่งคำถามที่ใครหลายคนสงสัยและต้องการคำตอบ อยากรู้ข้อเท็จจริงว่าเป็นมาอย่างไร ถ้าสิวบอกโรคได้ แล้วถ้าเราเป็นสิว แสดงว่าร่างกายเรามีปัญหาอย่างนั้นเหรอ แค่คิดก็อยากรู้แล้ว สำหรับวันนี้ก็เป็นเรื่องน่ารู้ ๆเกี่ยวกับสิวบอกโรคมาฝากกันค่ะ แบบดูเล่นๆเพลิน แถมยังได้ความรู้อีกด้วยนะ เผื่อเป็นอีกวิธีง่ายๆ ในการสังเกตุดูแลสุขภาพของคุณ… เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

สิวบอกโรค เป็นอีกวิธีการสังเกตุสุขภาพร่างกายของเราและคนรอบตัวเราได้ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพผิว จากศูนย์สุขภาพผิวเลียวนาร์ด เดรก (Leonard Drake) ได้นำเสนอแนวทางด้วยศาสตร์ใหม่จากการวิเคราะห์สภาพผิว ที่เรียกว่า “Face Mapping” เป็นกระบวนการพิสูจน์และวิเคราะห์สภาพผิวด้วยศาสตร์ตะวันออก ซึ่งเป็นหนึ่งในปรัชญาความคิดเบื้องต้น ที่ว่า "ผิวหน้าสามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพภายในร่างกายที่มีผลกระทบต่อผิวพรรณ” ทำให้เข้าใจได้ถึงสาเหตุการเกิดปัญหาสุขภาพผิวได้ ซึ่งจะเป็นการวิเคราะห์สภาพผิวที่ละเอียดกว่าการวิเคราะห์ผิวโดยทั่วไป โดยแบ่งส่วนใบหน้า ลำคอ และแผ่นอก ดังนี้


สิวบอกโรค โซนที่ 1 และ โซนที่ 3
ตำแหน่งที่สิวขึ้นหน้าผากด้านซ้าย และหน้าผากด้านขวา
ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ: การย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ: เนื่องจากคุณมีความเครียดสูง ล้างหน้าไม่สะอาด เพราะทารองพื้นหรือแต่งคิ้วมากไป
แนวทางการดูแลสุขภาพ: ดังนั้นอาจต้องดื่มน้ำมากขึ้นหรือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และล้างหน้าให้สะอาด

สิวบอกโรค โซนที่ 2
ตำแหน่งที่สิวขึ้น: หว่างคิ้ว
ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ: ตับ
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ: อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโทส (ดื่มนมไม่ได้) การรสจัดหรืออาหารกินอาหารดึกเกินไป
แนวทางการดูแลสุขภาพ: คุณควรงดหรือลดรับประทานอาหารที่ทีรสจัดเกินไป และต้องไม่กินจุกกินจิกในตอนดึก

สิวบอกโรค โซนที่ 4, 10
ตำแหน่งที่สิวขึ้น: ใบหูทั้ง 2 ข้าง
ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ: ไต
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ: ล้างแชมพูหรือสบู่ออกไม่หมด ใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป ดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์หรือกินเนื้อสัตว์มากเกินไป
แนวทางการดูแลสุขภาพ : หากรู้สึกร้อนที่หู คุณอาจต้องลดการรับประทานเนื้อสัตว์ลง

สิวบอกโรค โซนที่ 5, 9
ตำแหน่งที่สิวขึ้น: แก้มทั้ง 2 ด้าน
ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ: - แก้มส่วนบน ไซนัสและปอด
                                                                             - แก้มส่วนล่าง เหงือก และฟัน
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ: สูบบุหรี่จัด หรือแพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง หรืออาจใช้บลัชออนและรองพื้นไม่เหมาะสม ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้มอาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอดหรือการหายใจ ถ้ามีสิวแบบเป็น ๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่างอาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน หรือโทรศัพท์มือถือไม่สะอาด
แนวทางการดูแลสุขภาพ: คุณควรลด/ละ/เลิก การสูบบุหรี่ลงได้จะดีมาก พร้อมทั้ง ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารครบ 5 หมู่ และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ถ้าไม่ได้สูบบุหรี่ คุณควรลองสำรวจและเปลี่ยนใช้บลัชออน, รองพื้นที่อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณ หรือหมั่นทำความสะอาดมือถือของคุณอยู่เสมอ หรือคุณลองสำรวจตรวจสุขภาพของเหงือกและฟันภายในช่องปาก ง่ายๆด้วยตัวเอง และที่สำคัญคือ คุณต้องดูแลเรื่องความสะอาดบนใบหน้าอยู่เสมอ

สิวบอกโรค โซนที่ 6, 8
ตำแหน่งที่สิวขึ้น: รอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง
ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ: ไต และปัญหาภูมิแพ้
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ: เครื่องสำอางที่ใช้อาจไม่เหมาะ หรือใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก รอยคล้ำอาจเกิดจากการมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก หรือผักผ่อนน้อย เปลือกตาหากมีความระคายเคืองอาจมาจากการเป็นภูมิแพ้ หรือขาดสารอาหาร
แนวทางการดูแลสุขภาพ: ลองทำดีท็อกล้างสารพิษบ้าง (ซึ่งทำได้ง่ายๆด้วยสูตรวิธีแบบธรรมชาติ ด้วยตนเอง), ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง/สัปดาห์

สิวบอกโรค โซนที่ 7
ตำแหน่งที่สิวขึ้น: จมูก และเหนือริมฝีปาก
ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ: หัวใจ และระบบสืบพันธุ์
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ: หากมีผิวสีแดงเข้มที่จมูก อาจบ่งบอกถึงโรคความดันโลหิตสูง การอุดตันหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ บอกถึงผลกระทบจากฮอร์โมน เช่นกำลังมีประจำเดือน วัยทอง การใช้ยาคุมกำเนิด
แนวทางการดูแลสุขภาพ: ควรหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ, ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ, ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 3 ครั้ง/ อาทิตย์, การกำจัดความเครียด มีสุขภาพจิตที่ดีอยู่เสมอ

สิวบอกโรค โซนที่ 11, 13
ตำแหน่งที่สิวขึ้น: ใต้ริมฝีปากด้านซ้าย และขวา
ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ: รังไข่
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ: อาจทำความสะอาดได้ไม่พอ หรือมาจากความสมดุลทางฮอร์โมน หากมีปัญหาการอุดตันช่วงใบหู อาจแสดงว่าฟันกรามมีปัญหา หรือว่าเพิ่งผ่าตัดฟันมา หรืออาจเกิดจากการมีรอบเดือน
แนวทางการดูแลสุขภาพ: ลองตรวจเช็คสภาพฟันภายในช่องปากของคุณว่ามีปัญหาใดหรือไม่ ถ้ามี ควรดูแลรักษาสภาพฟันในช่องปากให้เรียบร้อย เพื่อสุขภาพฟันที่ดีของคุณ, พร้อมทั้งดูแลเรื่องการทำความสะอาดของร่างกาย เพื่อสุขอนามัยที่ดี

สิวบอกโรค โซนที่ 12
ตำแหน่งของสิว: ปลายคาง
ปัญหาภายในร่างกายของผู้เป็นสิวเกี่ยวกับ: กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ: อาจกินอาหารรสจัดเกินไปจนลำไส้มีปัญหาในการดูดซึม
แนวทางการดูแลสุขภาพ: คุณควรงดรับประทานอาหารที่ทีรสจัดเกินไป และควรดูแลระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ (เพราะโดยปกติแล้ว ร่างกายคนเราจะขับถ่ายของเสียออกมาทุกวัน)

สิวบอกโรค โซนที่ 14
ตำแหน่งที่สิวขึ้น : ลำคอ และหน้าอก
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ :ความเครียดสูง
แนวทางการดูแลสุขภาพ : คุณต้องจัดการกับความเครียดด้วยการหาวิธีผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย, พูดระบายความเครียด, นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หรือวิธีอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ 10 วิธีสลายความเครียด ในชั่วพริบตา

นี่เป็นเพียงแค่รายละเอียดเพียงเล็กน้อยของการวิเคราะห์สภาพผิวหน้าที่ทำให้รู้ได้ถึงสุขภาพภายในร่างกาย ซึ่งจะทำให้เราทราบได้ว่าจะต้องดูแลบำรุงทั้งสุขภาพภายในและภายนอกอย่างไร เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแค่นี้คุณก็จะมีทั้งสีหน้า แววตาและผิวพรรณที่เป็นสุขได้แล้ว
*** วันนี้ถ้าส่องกระจกดูสิว ก็อย่าลืมสังเกตสุขภาพร่างกายไปพร้อม ๆ กันด้วยนะคะ

วิธีรักษาสิวเสี้ยน สิวหัวดำ พร้อมวิธีป้องกัน

นอกจากสิวอุดตันหรือสิวอักเสบแล้ว!! สิวเสี้ยนก็เป็นสิวอีกประเภทที่เปรียบเสมือนกองกำลังของชนกลุ่มน้อย ที่ไม่มีพิษสงและขีปณาวุธที่จะจู่โจมใบหน้าให้ยับเยินเช่นสิวอักเสบ แต่ก็ก่อความรำคาญให้ได้ไม่หยุดหย่อน เพราะสิวเสี้ยนทำให้ใบหน้าไม่เรียบเนียน เกิดรูขุมขนกว้าง โดยเฉพาะจมูก แก้ม คาง น้อยรายที่อาจพบในบริเวณหน้าผาก หลัง และต้นแขน ที่สำคัญสิวเสี้ยนนี่แหล่ะค่ะ ที่ทำให้คุณผู้หญิงทาแป้งไม่ติด คนอายุตั้งแต่ 17 - 60 ปี ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ล้วนมีสิทธิเป็นสิวเสี้ยนได้ทั้งนั้น ดังนั้น วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปค้นหาคำตอบค่ะ ว่าสาเหตุที่ทำให้เราเป็นสิวเสี้ยน แท้จริงแล้วเกิดจากอะไร? พร้อมทั้งวิธีการรักษาสิวเสี้ยนหรือสิวหัวดำที่ได้ผลมาฝากด้วยค่ะ



อะไรคือสิวเสี้ยนหรือสิวหัวดำ (Blackheads) ? 
สิวเสี้ยน คือจุดดำ ๆ หรือเส้นดำ ๆ ตรงปากรูขุมขน บริเวณที่เห็นได้ชัดได้แก่ บริเวณจมูก แก้มทั้งสองข้างด้านที่อยู่ใกล้จมูก คางและหลัง สิวเสี้ยนสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ

1. ชนิดหัวขาว สิวเสี้ยนประเภทนี้เป็นไขสีขาว เกิดขึ้นจากการที่น้ำมันตามธรรมชาติของผิว ที่เรียกว่า ซิบัม สะสมและแข็งตัวภายในรุมขนรวมตัวกับเศษเซลล์ผิวที่ข้างอุดตันในรูขุมขน ถ้ามีสิ่งสกปรกที่รูเปิดต่อมไขมันมาก ส่วนหัวอาจเป็นจุดสีดำ

2. ชนิดหัวดำ เกิดจากการมีขนอุยเส้นเล็กๆ หากนำหัวสิวชนิดนี้ไปส่องด้วยแว่นขยายจะเห็นขนอ่อนจำนวนมากตั้งแต่ 5-50 เส้นรวมกันอยู่ในรูขุมขนเดียว สิวเ สี้ยนประเภทนี้ทำให้รูขุมขนกว้าง และใบหน้าเป็นจุดดำๆ ไม่เนียนเรียบ


ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยน? 
1. สภาพผิวหน้า หรือฮอร์โมนเพศในร่างกายที่ไปกระตุ้นต่อมไขมันให้มีการผลิตไขมันเพิ่มขึ้น หากเป็นคนผิวมันก็จะเป็นสิวเสี้ยนประเภทแรก หากเป็นผิวธรรมดาแต่มีขนมากก็จะเป็นสิวเสี้ยนประเภทที่สอง

2. การรบกวนผิวมากๆ เช่น การเช็ดถูหน้าแรงๆ, การขัดหรือนวดหน้า ซึ่งการกระทำเช่นนี้จะรบกวนรูขุมขน หรือต่อมไขมัน ทำให้รูขุมขน หรือรากขนนั้นแตกออก จึงทำให้มีขนคุดอยู่ภายในได้


วิธีการรักษาสิวเสี้ยนหรือสิวหัวดำ (Blackheads) 
1. หยุดเอามือสัมผัสหน้า หรือเท้าคางเวลาคิด เพราะมือของเราเต็มไปด้วยแบคทีเรียและสิ่งสกปรก ซึ่งจะทำให้สิวเห่อได้

2. ล้างหน้าให้สะอาด 
ทำความสะอาดผิวหน้าของคุณวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและตอนกลางคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในคนที่เป็นสิวเสี้ยนชนิดหัวขาวเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะทำให้ใบหน้าของคุณสะอาดและปราศจากไขมันส่วนเกิน นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นการกำจัดสิว เลือกครีมล้างหน้าที่มีกรดซาลิไซลิเปอร์ออกไซด์ หรือ benzoyl โดยส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้น และป้องกันต่อมผลิตน้ำมันบนใบหน้ามากเกินไป

ข้อแนะนำ : อย่าล้างหน้ามากกว่าวันละ 2ครั้ง เพราะจะทำให้ใบหน้าแห้งและต่อมผลิตน้ำมันมากขึ้น
ใช้โฟมล้างหน้าแบบอ่อนที่ไม่ระคายเคือง และประกอบด้วยมอยเจอไรเซอร์แบบปราศจากน้ำมัน (Oil - free moisturizers)

3. การอบไอน้ำให้ผิว 
เป็นการทำความสะอาดผิวหน้าและลดสิ่งตกค้างบนผิวได้ดี เหมาะกับคนผิวมัน ทำสัปดาห์ละครั้ง คือ นาบผ้าขนหนูอุ่น ๆ ลงบนใบหน้า หรืออังใบหน้ากับไอจากน้ำร้อน ซึ่งเป็นการเปิดรูขุมขนเพื่อง่ายต่อการกำจัดสิวเสี้ยน ทำเช่นนี้เป็นเวลา 5- 10 นาที จากนั้น ล้างด้วยน้ำสะอาดกับสบู่ล้างหน้า

4. ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยน 
ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนตรงจุดที่เป็นสิวเสี้ยน ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วจึงค่อยๆ ดึงออกอย่างช้าๆ สิวเสี้ยนก็จะหลุดออกมาพร้อมแผ่นลอกสิว เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก ราคาไม่แพงนัก แต่การใช้ก็ต้องระมัดระวัง เพราะสารเคมีที่ใช้ อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ค่ะ ดังนั้นเพื่อนๆ อาจจะลองใช้ด้วยวิธีแบบธรรมชาติก็ได้นะค่ะ ให้ผลดีเหมือนกับใช้แผ่นลอกสิว ไม่มีสารตกค้าง และประหยัดกว่าด้วยค่ะ เช่น

5. การมาสก์ผิวด้วยไข่ขาว 
เป็นวิธีที่เก๋า แต่ก็ช่วยให้สิวเสี้ยนลอกตัวออกมาได้มาก โดยทาไข่ขาวบาง ๆ ที่จมูกหรือข้างแก้ม แล้วนำกระดาษซับหน้าแค่ชั้นเดียว หรือกระดาษทิชชูคลี่ให้บาง แปะทับลงไป ปล่อยให้แห้ง แล้วจึงดึงออก จะมีสิวเสี้ยนหลุดติดออกมาด้วย

6.ไปพบแพทย์ผิวหนัง 
โดยปกติแล้ว เมื่อคุณทำตามคำแนะนำทั้งหมดจะช่วยให้คุณกำจัดสิวได้ แต่ถ้าหากคุณพบว่า ตัวเองยังคงทุกข์ทรมานจากการเป็นสิว ทางออกที่ดีที่สุดคือ ปรึกษาแพทย์และขอคำแนะนำ การรักษาอื่น ๆ อาจมีความจำเป็นเพื่อรักษาสิวบนใบหน้าของคุณด้วย เช่น การกินยาในการดูแลของแพทย์ วิธีทางเคมี เป็นต้น

นอกจากนี้ ทางเราได้รวบรวมวิธีดีๆ ที่ได้ผลมากมายของวิธีรักษาสิวเสี้ยนด้วยตัวเอง ที่เยียวยาด้วยวิธีธรรมชาติ เอาไว้ด้วย สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจสามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ: 9 สูตรวิธีรักษาสิวเสี้ยนด้วยตัวเองแบบธรรมชาติ

การป้องกันการเกิดสิวเสี้ยน 
คนผิวมัน มีโอกาสเกิดสิวเสี้ยนได้ง่าย เนื่องจากต่อมไขมันมีขนาดโต และมีปริมาณน้ำมัน ออกมาฉาบผิวค่อนข้างมาก จึงเกิดการอุดตันปิดปากรูขุมขนได้ง่าย การลดความมันของใบหน้า จึงช่วยป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนได้ค่ะ

วิธีลดความมันของผิวหน้าและลดการอุดตันของรูขุมขน 
1. เลือกใช้เครื่องสำอางที่ช่วยดูดซับความมันของผิว และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเนื้อเบา ชนิดโลชั่นจะเหมาะกว่าชนิดครีม และใช้ในปริมาณเพียงน้อย จะช่วยลดการอุดตันบริเวณรูขุมขน

2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA ซึ่งช่วยผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวที่ตกค้างออก และลดการเกิดสิวเสี้ยนได้

3. การใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ จำพวกเรตินอล ซึ่งนอกจากจะช่วยต่อต้านริ้วรอยแล้ว ยังช่วยเร่งผลัดการเปลี่ยนเซลล์ผิวด้วย แต่ข้อเสียก็คือ อาจเกิดการแพ้ได้ง่าย จึงอาจเลือกใช้วันเว้นวัน และควรทาตอนผิวแห้งสนิท เนื่องจากปฎิกิริยาระหว่างกรดวิตามินเอกับน้ำ อาจทำให้ผิวลอกตัวมากขึ้น

4. การซับหน้าระหว่างวัน โดยการใช้กระดาษซับหน้า กดซับความมันที่ผิวออก ก็เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดความมันของผิวได้เช่นกัน วิธีที่ถูกต้องคือ วางกระดาษซับมันตรงบริเวณที่หน้ามัน และกดลงเบาๆ ห้ามถู เพียงแค่ปล่อยให้มันดูดซับน้ำมันที่ผิวออกไปเท่านั้น

*** อย่าลืมว่า…สิวเสี้ยน ก็เหมือนสิวอุดตันนั่นแหละค่ะ หากหมั่นรบกวนผิวด้วยการเค้น แคะ แกะ เกา หรือขัดถูหน้าแรงๆ สิวเสี้ยนอาจเกิดการอักเสบหรือทิ้งรอยดำ หรือแผลเป็นไว้บนใบหน้าได้เช่นกันนะค่ะ

วิธีทำให้ผิวขาวหน้าใส ด้วยสมุนไพรไทย



วิธีทำให้ผิวขาวหน้าใส ด้วยสมุนไพรไทย

ผิวขาว หน้าใส ย่อมเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ปรารถนา ยอมเสียเงินจ่ายไปกับเครื่องสำอางสารพัดเพียงเพื่อต้องการเป็นเจ้าของผิวขาวสวยใส แต่ผลที่ได้รับกลับมาอาจไม่เป็นดั่งที่หวังไว้ อาจเกิดผื่นแพ้ รอยแดงคล้ำ จากเครื่องสำอางราคาแพงเหล่านั้น แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ที่จริงแล้วคุณไม้ต้องสิ้นเปลืองเงินทองไปกับผลิตภัณฑ์ที่ยกสรรพคุณว่าเป็นสารสกัดจากธรรมชาติเหล่านั้นเลย เพราะวันนี้เรามีสูตรวิธีทำให้ผิวขาวสวยด้วยสมุนไพรมาฝากคุณผู้หญิงทั้งหลายค่ะ มีด้วยกันหลายสูตร อ่านแล้วนำไปทำดูนะค่ะ

ว่านหางจระเข้ : ช่วยให้ใบหน้าสวยเปล่งปลั่ง
ว่านหางจระเข้จะช่วยให้ใบหน้าคุณสวยเปล่งปลั่งได้อย่างไรบ้าง
1. สามารถรักษาผิวไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือผิวที่ถูกแสงแดดเผาไหม้จนเกรียมได้อย่างมีประสิทธิภาพทีเดียว ว่านหางจระเข้นี้จัดเป็นยาเย็น ส่วนมากใช้แล้วจะรู้สึกเย็นสบายบริเวณผิวหนังที่แสบร้อนจากการเผาไหม้
วิธีใช้ นำว่านหางจระเข้สักก้านหนึ่งเลือกก้านที่แก่ ๆ สักหน่อย ล้างน้ำให้สะอาดฝานเอาเปลือกออก ล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้งอย่าให้มีเมือกสีเหลือง ๆ ติดอยู่ เพราะอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ ให้ใช้แต่วุ้นสีขาวเอาไปทา หรือถ้าเป็นแผลจากน้ำร้อนลวกและไฟไหม้ ก็ฝานวุ้นว่านหางจระเข้ไปวางทับที่ปากแผล

2. สามารถช่วยลดอาการที่เกิดจากผื่นคันที่มีสาเหตุมาจากการแพ้สารเคมีต่าง ๆ ใครที่ผ่านการใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีเยอะกัดผิวหน้าจนแดงเป็นปื้น หันมาใช้ว่านหางจระเข้ ช่วยรักษาดีกว่า จะได้ฟื้นฟูสภาพผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่งเหมือนเดิม
วิธีใช้ เช่นเดียวกับการรักษาแผลจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก

3. ลบรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวและฝ้าบนใบหน้า หลายคนที่เจอกับปัญหานี้ ก็ลองหันมาใช้ว่านหางจระเข้รักษาดู ในกลุ่มวัยรุ่นมักจะเจอปัญหารอยแผลเป็นจากสิว ใบหน้าเป็นจุดด่างดำ แต่ขอแจ้งให้ทราบนิดหนึ่งว่าอย่านำว่านหางจระเข้ไปใช้รักษาสิว เพราะตัวมันเองไม่มีสรรพคุณเช่นนั้น แต่ในกรณีที่เป็นสิวที่มีหนอง หัวใหญ่ก็สามารถใช้แหะที่หัวสิวนั้นได้ เพราะว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบได้ ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่ วัยทำงานขึ้นมาหน่อยก็มักจะเจอปัญหาใบหน้าเป็นฝ้า จุดด่างดำ เพราะอายุมากขึ้น

ว่านหางจระเข้เจลพอกหน้า
สรรพคุณ บำรุงผิว ป้องกันฝ้า ลบรอยจุดด่างดำ รักษาสิว
วิธีทำ เลือกใบจากต้นว่านหางจระเข้ที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป โดยเลือกใบล่างสุดซึ่งจะอวบโต มีวุ้นมาก นำมาแช่น้ำเพื่อล้างยางเหลืองๆ ออกให้หมด (ยาง เหลืองมีฤทธิ์ระคายเคืองผิว ทำให้แสบร้อน เป็นผื่นแดง) จากนั้นปอกเปลือกออก แล้วเอาวุ้นที่ได้ล้างน้ำให้สะอาดอีกทีหนึ่ง นำวุ้นไปปั่นหรือใช้มือขยำ ก็จะได้เจลว่าน หางจระเข้ การใช้ว่านหางจระเข้สดได้ผลดีกว่าผลิตภัณฑ์แปรรูป ซึ่งจะมีปัญหาการคงตัวเมื่อถูกความร้อน
วิธีใช้ ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าให้แห้ง แล้วใช้เจลพอกทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตาและรอบปาก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก สูตรนี้เหมาะสำหรับคนผิวมัน สำหรับคนผิวแห้งไม่ควรใช้ว่านหางจระเข้เดี่ยว ๆ ควรเติมน้ำมันมะกอกกับไข่แดง ตีให้เข้ากัน แล้วจึงพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ข้อควรระวัง: ไม่ควรใช้ว่านหางจระเข้กับสิวหัวหนอง เพราะฟิล์มจากว่านจะทำให้สิวหายช้า
                     อาจทดลองทาวุ้นบริเวณท้องแขนดูก่อน หากมีผื่นแดงหรือคันไม่ควรใช้ทาหน้า


มะขาม : ช่วยแก้ไขปัญหาผิวแห้งกระด้างเป็นขุย
มะขามเป็นความงามจากก้นครัวอีกชนิดหนึ่งที่ใช้กันต่อเนื่องมายาวนานบรรดาสุภาพสตรีทั้งหลายในยุคเก่าคุ้นเคยกันมากกับการนำมะขามมาใช้อาบน้ำ-ล้างหน้า แทนการใช้สบู่หรือครีมล้างหน้า และครีมอาบน้ำ จะช่วยให้ผิวหนังไม่แห้ง แสบ หรือคัน

คนที่มีปัญหาผิวแห้ง กระด้าง ขาดความชุ่มชื้น ดูแล้วไร้ชีวิตชีวา ถ้าหันมาใช้มะขามเปียกประมาณ 1 กำมือ ใช้ถูเนื้อตัวร่างกาย ทำความสะอาดผิวหน้าทุกวัน ไม่นานจะเห็นผลทันทีเลยว่าผิวที่เคยมีปัญหามาตลอดนั้นจะนุ่ม ผิวไม่แห้งเนื้อตัวไม่ตึง ไม่คัน เห็นได้ว่าผิวพรรณมีชีวิตชีวาอย่างไม่น่าเชื่อเลย หรือท่านที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นหรือช่วงหน้าหนาวแล้ว ยิ่งน่าจะหันมาใช้มะขามเปียกแทนการใช้สบู่ แล้วคุณจะพบว่าหน้าหนาวนี้ผิวคุณจะสวยตลอดฤดูกาลนั้นทีเดียว พออาบน้ำเสร็จก็อาจจะใช้ขมิ้นลูบไล้ผิวกาย ผิวหน้าเพิ่มความสวยอีกดีกรียิ่งดีใหญ่

หรือถ้าอยากจะทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก ก็ให้ใช้มะขามเปียกแช่น้ำให้เหนียว ๆ หน่อยเอามาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำเปล่า คุณจะพบว่าผิวของคุณสะอาดขึ้นอย่างมากทีเดียว

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องฝ้า ก็ใช้มะขามเปียกนี้รักษาได้ วิธีใช้ก็คือ เอามะขามเปียกแช่น้ำพอเหนียว แล้วเอาทั้งกากและเนื้อถูบริเวณที่เป็นฝ้าเบา ๆให้ทั่ว ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออก นอกจากนี้ยังมีสูตรการทำครีมมะขามใช้เอง สามารถใช้แทนสบู่ได้มาฝากอีกด้วย

สบู่ครีมมะขามเปียก
ส่วนผสม
1. มะขามเปียก
2. นมสด
3. น้ำผึ้ง
วิธีทำ
1. เอามะขามเปียกประมาณ 2-3 ฝัก แกะเอาใยออกให้หมด
2. เอามะขามเปียกไปคั้นรวมกับนมสด 6 ช้อนแกง คั้นให้ข้นจนได้ที เสร็จแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
3. นำน้ำผึ้งผสมกับส่วนผสมที่ได้จากข้อสองแล้วคนให้เข้ากัน (สัดส่วนของสูตรในการทำสบู่ครีมมะขามสามารถปรับได้ตามความต้องการของสภาพผิวหน้า) เสร็จแล้วให้นำไปนึ่งให้สุก เพื่อช่วยยืดอายุสามารถเก็บไว้ได้นาน
วิธีใช้ ใช้เวลาล้างหน้าหรืออาบน้ำ ใช้ครีมทาบาง ๆ ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งแล้วล้างออก
สรรพคุณ ใช้ล้างหน้าแทนสบู่ ชำระสิ่งสกปรก รักษาฝ้า ทำให้ผิวพรรณนุ่มนวล

มะขามเปียกครีมพอกหน้า
สรรพคุณ : บำรุงผิว ลบรอยเหี่ยวย่น ตีนกา
ส่วนผสม มะขามเปียก 1 กำมือ
                นมสดรสจืด 3 ช้อนโต๊ะ 
                น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ มะขามเปียกแกะเม็ดเอารกออกแล้วล้างน้ำให้สะอาดผสมกับนมแล้วขยำให้เข้ากัน กรองด้วยผ้าขาวบางหรือกระชอนตาละเอียด เติมน้ำผึ้งคนให้เข้ากันก็จะได้ครีมมะขามเปียก ใส่ภาชนะมีฝาปิดเก็บไว้ในตู้เย็น
วิธีใช้ ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด ทาครีมมะขามเปียกทิ้งไว้ 10 นาที ล้างด้วยน้ำสะอาด สูตรข้างต้นนี้เหมาะกับคนผิวมัน ถ้าคนผิวแห้งให้ลดมะขามเปียก เพิ่มปริมาณนมสดกับน้ำผึ้งให้มากขึ้น

ทนาคา100%



ถ้าเป็นสมุนไพรไทยที่เกี่ยวกับผิวพรรณละก็ต้องนี่เลย "ขมิ้นชัน" แต่ถ้าเป็นสมุนไพรเคล็ดลับผิวสวยของพม่าก็ต้อง "ทนาคา" หรือ "กระแจะ" ไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่เวลานี้ถูกนำมาเป็นส่วนผสม ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลากหลาย เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า "ไม้ทนาคา" นั้น พม่าใช้ฝนกับหินผสมกับน้ำ ใช้ประทินผิวมาแต่โบราณ จนมีสำนวนเปรียบเทียบว่า "ผิวพม่านัยน์ตาแขก"ผิวสาวพม่าส่วนใหญ่จึงสวย เนียน และผิวค่อนข้างละเอียด เนื้อไม้ทนาคา ซึ่งเป็นสมุนไพรที่พบได้มาก จากทางฝั่งพม่า เมื่อตากแห้งสนิทและนำมาบดผงแล้วสามารถนำมาผสมทำครีมพอกหน้าได้อย่างวิเศษ
สามารถผสมกับ: 
*น้ำผึ้ง(สำหรับคนผิวแห้ง)
*น้ำมะขามเปียก(สำหรับผิวที่ด่างดำ)
*ขมิ้นชัน(สำหรับผิวที่มีสิว)
*นมสดรสจืด(สำหรับผิวที่ต้องการความนุ่มเนียน)
*โยเกิร์ต (สำหรับผิวที่ต้องการความนุ่มและใส)
เมื่อบดผสมจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ก็จะได้ครีมสำหรับพอกหน้าที่มีเนื้อสัมผัสไม่ถึงกับละเอียดนัก ทั้งนี้ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกเผยผิวใหม่ เนื้อครีมอุดมไปด้วยสมุนไพร ที่มีสรรพคุณช่วยประทินผิว มีกลิ่นหอมสมุนไพรธรรมชาติ (ไม่แต่งกลิ่น) และไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อผิว"
วิธีใช้ เพียงนำครีมผสมให้ข้น(ผสมครั้งต่อครั้ง ห้ามผสมทิ้งไว้) มาพอกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แห้งแล้วใช้มือขัดออก ทำทุกวันก่อนอาบน้ำ แค่สัปดาห์เดียวจะรู้สึกว่าผิวหน้า ที่แห้งหยาบกร้าน กลับมาชุ่มชื้นมีน้ำมีนวล และดูเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น ส่วนริ้วรอยจากฝ้า หรือกระ ที่มีอยู่จะค่อยๆ จางลง

*** นี่คือภูมิปัญญาจากสมุนไพรพื้นบ้าน ที่สามารถแต่งเติม ความงามได้ไม่แพ้ครีมของนอก หรืออีกนัย ถ้าคุณได้ลองอาจจะดีกว่าของนอก ถูกกับผิวชาวเอเชียอย่างเรามากกว่าด้วยซ้ำค่ะ*
ข้อมูล ความมหัศจรรย์ของทนาคา จากไทยรัฐ ฉบับวันที่ 21มค.48 หน้า7

ว่านนางคำ100%



ว่านนางคำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Curcuma amada (aromatica) หัวว่านมีสีเหลืองเข้ม กลิ่นหอม เป็นสมุนไพรตัวหนึ่งของต้นตำรับความงามโบราณ มีเรื่องเล่ากันว่า "พระนางคลีโอพัตรา" ใช้ว่านนางคำเป็นตัวช่วยประทินผิวให้งดงามอยู่ตลอดเวลา ในหัวว่านนางคำมีสาร curcumin และวิตามินหลายชนิด ช่วยบำรุงผิว ป้องกันเม็ดผดผื่น ช่วยทำสะอาดผิวกาย ลดรอยตกกระและจุดด่างดำ เนียนนุ่ม รักษาผดผื่นคัน และรักษาอาการคันจากการแพ้ตามร่างกายรักษาผิวพรรณให้ดูผุดผ่องสวยงามดี รักษาโรคผิวหนัง
วิธีใช้ สำหรับผิวหน้าและผิวกาย ใช้ขัดและพอกผิวโดยผสมกับน้ำ หรือถ้าจะให้ได้ผลดี ควรผสมกับนม หรือโยเกิร์ต กับน้ำผึ้ง จะช่วยทำให้ผิวนุ่มเนียน สวยยิ่งขึ้น

วิธีรักษาสิวอักเสบ และป้องกัน ด้วยตัวเอง

ก่อนที่เราจะรู้วิธีรักษาสิวอักเสบ เราควรจะเรียนรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นเสียก่อน เพื่อให้เราเข้าใจจริงๆถึงสาเหตุการเกิดสิว และสามารถรักษาสิวอักเสบได้ถูกวิธี พร้อมทั้งเรียนรู้วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวอักเสบ ที่เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุโดยแท้จริง เพื่อไม่ให้ปัญหาสิว…สิว นี้ เกิดเป็นปัญหารบกวนจิตใจคุณอีกต่อไป!! ดังนั้น…วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีรักษาสิวอักเสบ สาเหตุการเกิดสิวอักเสบ และวิธีป้องกันการเกิดสิวอักเสบมาฝากค่ะ เพื่อเป็นแนวทางในการรักษาสิวอักเสบของเพื่อนๆ อย่างถูกวิธีค่ะ 


สิวอักเสบคืออะไร? 
· สิวอักเสบ (Inflammatory ance หรือ Papulopustular acne) คือ การที่สิวอุดตัน (Comedone) ได้รับการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่ม Propionibacteriu m acne( P.acne) แล้วแบคทีเรียนี้ ปล่อยเอนไซม์ที่จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบขึ้น โดยมีความรุนแรงแตกต่างกัน แล้วแต่จำนวนเชื้อและขนาดของสิวอุดตัน สิวอักเสบนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง เพื่อลดการอักเสบลุกลาม และการเกิดแผลเป็น

· สิวอักเสบ มีลักษณะที่่เรามองเห็นเป็นเม็ดตุ่มนูนๆ บวมแดง อาจเป็นเม็ดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ บางครั้งเห็นเป็นหนองบริเวณหัวสิว หรือที่เรียกว่า “สิวหนอง” หากสิวอักเสบมีการติดเชื้อและอักเสบมากทำให้มีขนาดใหญ่ก็จะเรียกว่า “สิวหัวช้าง”
***ท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบทความนี้: สาเหตุและประเภทของสิวอุดตัน สิวอักเสบ 


วิธีปฏิบัติตนเพื่อลดการเกิดสิวอักเสบ 

1. การล้างหน้าบ่อย ๆ ทำให้เกิดสิวมากขึ้นเพราะการล้างหน้าบ่อย ๆ จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่ายจึงทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้นควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว และควรหลีกเลี่ยงการใช้โฟมล้างหน้า ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว หรือสบู่ล้างหน้า
2. หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เช่น เครื่องสำอาง หรือครีมกันแดดที่เพิ่มความมันบนใบหน้า การนวดและการขัดหน้า
3. ห้ามนอกดึกเด็ดขาด ควรเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม ดีที่สุด และตื่นตอน 6 โมงเช้า
4. ห้ามใช้เครื่งสำอางที่แรงเกินไป หันมาใช้ครีมทาหน้าอ่อนๆ เช่น เภสัชก็ได้ค่ะ
5. ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบอาบน้ำ ก็ขอให้ล้างหน้าทุกเช้าและก่อนเข้านอนก็พอค่ะ
6. เวลาที่คุณเข้านอนไม่ควรทาครีมใดๆ ควรล้างหน้า เช็ดให้แห้ง และเข้านอนทันทีค่ะ
7. เวลาที่ล้างหน้าไม่ควรถูแรงๆ เพราะอาจทำให้สิวเกิดการอักเสบและเป็นหนองเพิ่มขึ้นค่ะ
8. ควรสระผมบ่อยๆ อย่าปล่อยให้ผมมันและลงมาปรกตามใบหน้า พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันใส่ผมหรือเจลแต่งผม
9. อย่าปล่อยให้หน้ามันมากเกินไป ควรใช้กระดาษซับหน้า แบบเบามือช่วยลดความมัน
10. อย่าใช้ผ้าเช็ดหน้ากดทับบริเวณที่สิวอักเสบ
11. อย่าใช้มือบีบ แกะ เกาบริเวณที่เป็นสิว
12. อย่าเครียดหรือวิตกกังวลเกินไป หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ทำจิตใจให้แจ่มใส
13. ถ้าในกรณีที่เป็นสิวหัวหนองขนาดใหญ่หลายๆเม็ด หรือมีอาการอักเสบมาก ควรไปพบแพทย์ เพราะจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จะได้ไม่เกิดแผลเป็นจากสิว

*** ทั้งหมดนี้เมื่อเราทำเป็นประจำจะทำให้สิวอักเสบลดลง เพื่อนๆ ก็ลองนำไปใช้ดูนะค่ะ แต่อย่าลืมว่าผิวหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ทางที่ดีควรใช้ผลิตภัณท์ดูแลผิวติดต่อกัน ไม่ควรเปลี่ยนยี่ห้อไปเรื่อยๆนะคะ

วิธีการป้องกันการเกิดสิวอักเสบ

1. ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ Olive Oil, Lanolin, Sodium Laury Sulphate หรือการไปรบกวนบริเวณผิวบ่อย ๆ เช่น การขัดหน้าด้วยสครับ หรือการนวดหน้าด้วยครีมที่ส่วนผสมของน้ำมัน
2. เรื่องของอาหาร สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ เพราะอาหารไม่ใช่สาเหตุของ การทำให้เกิดสิว แต่ถ้าสังเกตุว่าเมื่อ รับประทานอาหารบางชนิด ทำให้มีสิวเห่อขึ้น ที่ใบหน้าทุกครั้ง แบบนี้ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้นเสีย
3. การทาครีมละลายหัวสิวก่อนล้างหน้าจะช่วยให้สิวหลุดออกได้ง่ายจึงทำให้ไม่เป็นสิวอักเสบตามมาภายหลัง
4. ภาวะเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ระบบขับถ่ายไม่ดี และประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้
5. การรับประทานยา Isotretinoin ในการรักษาสิว ถ้าคุณรู้ว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ควรหยุดยานี้ อย่างน้อย 3 เดือน
6. การรับประทานแร่ธาตุสังกะสีจะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวและแร่ธาตุยังช่วยให้วิตามินเอ
7. การรับประทานยาคุมกำเนิดไม่ได้ช่วยในการรักษาสิวโดยตรง ยาคุมกำเนิดเหมาะสำหรับคนที่มีภาวะฮอร์โมนเพศชายในร่างกายสูงกว่าปกติ เช่นเป็นสิวง่าย หน้ามัน ขนดก
8. การฉีดยารักษาสิวอักเสบเม็ดใหญ่ ๆ ให้ยุบเร็วขึ้นเป็นการรักษาที่ปลายเหตุควรรักษาที่ต้นเหตุของสิวคือรักษาสิวเม็ดเล็ก ๆ โดยการทายาแล้วกดออกก่อนที่สิวเม็ดเล็กๆ จะบวมเป็นเม็ดใหญ่เพราะถ้าบวมอักเสบเป็นเม็ดใหญ่แล้วก็จะทำให้เกิดรอยดำและรอยแผลเป็นหลุมได้
9. ทำดีท็อกซ์ การเป็นสิวย่อมแสดงว่าร่างกายในช่วงนั้นมีท็อกซินหรือพิษสะสมในร่างกาย การทำดีท็อกซ์จะช่วยขจัดสารพิษในร่างกายได้

สูตรสมุนไพรรักษาสิวอักเสบ

วิธีทำ นำปูนแดง ½ ช้อนชา ขมิ้นชันผง 1 ช้อนชา น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมรวมกัน คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อท่านล้างหน้าให้สะอาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นำส่วนผสมที่ได้แต้มที่หัวสิวทิ้งไว้จนกว่าเนื้อครีมจะแห้ง แต้มทุกเช้า-เย็น จนกว่าหัวสิวจะยุบและหาย

ดูสูตรรักษาสิวเพิ่มเติมได้ที่นี้ : รักษาสิวด้วยขมิ้นชัน

*** แนวทางในการรักษาสิวอักเสบให้ได้ผลดี ก็คือ เมื่อเราทำการรักษาสิวอักเสบให้หายปกติแล้วด้วยวิธีการที่เหมาะสม ควรทำการป้องกันทันที เพื่อป้องกันการกลับมาใหม่ของสิวอักเสบ เพราะสิวอักเสบส่วนใหญ่มีปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบทั้งภายในตัวเราและนอกตัวเรา นั่นก็คือภาวะการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน และแบคทีเรียในบรรยากาศรอบตัวเรา ดังนั้นถ้าคุณแก้ไขปัญหาสิวอักเสบตรงจุดได้แล้ว ก็อย่าลืมทำการป้องกันในระยะยาวต่อไปค่ะ